วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2559

มาเร็ว มาลองทำกันดู....น้ำตาลทรายแดงขัดผิว ขาวจริง นุ่มจริง [Sirisuk - ศิริสุข]

สำหรับหนุ่ม-สาวที่ชอบสครับผิวบ่อยๆ คงจะพอทราบคุณประโยชน์ของสครับ

ที่มีส่วนผสมของน้ำตาลทรายแดงอยู่บ้าง แต่เรามารู้ให้ลึกขึ้นอีกนิดกันดีกว่าว่าทำไมสครับเหล่านั้นจึงทำให้ผิวหน้านุ่ม เนียน ทุกครั้ง และหน้าก็ขาวขึ้นๆทุกที

         น้ำตาลทรายแดงทำมาจาก
น้ำตาลทรายแดง เครื่องปรุงในครัวที่มีเทกซ์เจอร์สวยงาม รสชาติดีและคุณประโยชน์มากมายนั้น เป็นผลิตภัณฑ์จากอ้อยซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจบ้านเรานี่เอง ซึ่งประเทศไทยส่งออกน้ำตาลทรายแดง 65-70% จึงไม่ต้องห่วงว่าจะขาดตลาดกันนานนัก เป็นน้ำตาลที่ไม่ผ่านการฟอกสี และมีความชื้นสูง จะมีกลิ่นหอมของน้ำตาลไหม้และมีกากน้ำตาลติดอยู่ด้วย
น้ำตาลทรายแดงแสนหวาน ดียังไง?
1.อย่างแรกเลยที่ชนะเลิศน้ำตาลอื่นๆคือ เป็นสีธรรมชาติจึงไม่ผ่านการฟอกสี ทำให้ผิว ของคุณปลอดภัยแน่นอนจากสารเคมี
2.เกล็ดเล็กๆของน้ำตาลทรายแดง ช่วยขัดเอาเซลส์ผิวที่ตายแล้วออกจนเกลี้ยง แม้แต่ในรูขุมขน ด้วยคุณสมบัติของกรดผลไม้ที่ช่วยผลัดเซลส์ผิว ช่วยดูดสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขน แล้วยังทิ้งความชุ่มชื้นเอาไว้ให้ผิวของคุณด้วย
3.น้ำตาลทรายแดงอุดมไปด้วยวิตามิน B ซึ่งมีคุณสมบัติต้านสารอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยให้ผิวของคุณนุ่มนวลอ่อนเยาว์ลง แล้วยังช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีอีกด้วย เราสามารถใช้น้ำตาลทรายแดงขจัดเซลส์ผิวที่ตายแล้วบนข้อศอก ตาตุ่ม ที่กร้าน ดำคล้ำ ให้ขาวและนุ่มขึ้นด้วยค่ะ แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ แล้วจะเห็นผลชัดเจน
4.ริมฝีปากที่แห้ง แตก คล้ำ ไม่เป็นสีชมพูอย่างที่ใจต้องการ คุณสามารถใช้น้ำตาลทรายแดงผสมน้ำผึ้งหรือน้ำมันมะกอกขัดเบาๆอย่างอ่อนโยนบ่อยๆ ก็จะช่วยให้ริมฝีปากนุ่มและลดรอยดำลงไปได้พอสมควร
Credit : http://www.cosmenet.in.th


สามารถเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ของเราได้ที่  web site :
http://sirisuk-brownsugarcane.lnwshop.com/

และติดตามข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับเราได้ที่ fanpage :
https://www.facebook.com/ศิริสุข-น้ำตาลทรายแดง-202725213424362/?ref=tn_tnmn

Post by Sirisuk - ศิริสุข

มาดูกันว่า... น้ำตาลทรายแดง ชงกาแฟ แบบไหนดี [Sirisuk - ศิริสุข]

     น้ำตาลทรายแดง ค่อนข้างเป็นธรรมชาติที่สุด ยังไม่ฟอกสี ยังมีกลิ่นน้ำตาล รวมทั้งกากน้ำตาลอยู่ สามารถใส่กาแฟร้อนได้เหมือนน้ำตาลทรายขาว แค่กลิ่นน้ำตาลจะแรงกว่า สังเกตจากงานสัมนาตามโรงแรมก็จะมีวางคู่กัน ทั้งขาวและแดง กาแฟร้อนตามโรงแรมก็เป็นอเมริกาโน (กาแฟ+น้ำ) นั่นเอง ส่วนการนำมาทำนำ้เชื่อมก็วิธีการเดียวกัน แต่ไม่ค่อยมีคนนิยม ส่วนผมเคยลองนำน้ำตาลทรายแดงมาทำกาแฟเย็น โดยส่วนตัวชอบนะ ได้ประสบการณ์กาแฟไปอีกแบบ จะกลิ่นหอมของน้ำตาลใหม้ รสหวานปนขมแบบลงตัวไปอีกแบบ



Credit : http://www.oknation.net


สามารถเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ของเราได้ที่  web site :
http://sirisuk-brownsugarcane.lnwshop.com/

และติดตามข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับเราได้ที่ fanpage :
https://www.facebook.com/ศิริสุข-น้ำตาลทรายแดง-202725213424362/?ref=tn_tnmn

Post by Sirisuk - ศิริสุข

สรรพคุณของน้ำตาลทรายแดง [Sirisuk - ศิริสุข]

1.น้ำตาลทรายแดงมีคุณสมบัติร้อนและมีรสหวาน มีสรรพคุณช่วยบำรุงกำลัง (น้ำตาลทรายแดง)
2.ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกมากยิ่งขึ้น (น้ำตาลทรายแดง)
3.น้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายกรวดมีสรรพคุณช่วยดับร้อน ถอนพิษ แก้อาการอักเสบ (น้ำตาลทรายขาว,น้ำตาลทรายกรวด)
4.ช่วยรักษาปากเป็นแผล มีอาการเจ็บคอ ไอมีเสมหะเหลือง (น้ำตาลทรายขาว,น้ำตาลทรายกรวด)
5.น้ำเชื่อมที่ได้จากน้ำตาลทรายขาว สามารถใช้เป็นยารักษาบาดแผลเน่าเปื่อยได้ เพราะน้ำเชื่อมสามารถเปลี่ยนสภาพกรดและด่างบริเวณปากแผลได้ ทำให้เซลล์ผิวหนังถูกกระตุ้น การไหลเวียนของโลหิตทำงานดีขึ้น และยังเป็นอาหารที่ถูกนำไปใช้หล่อเลี้ยงผิวหนังบริเวณนั้นอีกด้วย ทำให้เชื้อโรคไม่สามารถเจริญเติบโตได้ และบาดแผลก็จะหายเร็วขึ้น (น้ำตาลทรายขาว)
6.ช่วยแก้อาการปวด (น้ำตาลทรายแดง)

7.สำหรับสตรีที่อยู่ในระหว่างมีประจำเดือนถูกความเย็น มีอาการปวดประจำเดือน ปวดท้องน้อยหรือปวดเอว ประจำเดือนเป็นลิ่ม การดื่มน้ำผสมกับน้ำตาลทรายแดงอุ่น ๆ 1 แก้ว ก็จะทำให้สบายขึ้นได้ (น้ำตาลทรายแดง)
credit : http://frynn.com


สามารถเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ของเราได้ที่  web site :
http://sirisuk-brownsugarcane.lnwshop.com/

และติดตามข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับเราได้ที่ fanpage :
https://www.facebook.com/ศิริสุข-น้ำตาลทรายแดง-202725213424362/?ref=tn_tnmn

Post by Sirisuk - ศิริสุข

ประโยชน์ของน้ำตาลทรายแดง [Sirisuk - ศิริสุข]




1.น้ำตาลเป็นสารที่ให้ความหวานและให้พลังงานแก่ร่างกาย (โดยน้ำตาล 1 กรัม จะ
ให้พลังงาน 4 แคลอรี) ทำให้ชีวิตมีรสชาติ ทำให้รู้สึกสดชื่อกระชุ่มกระชวย
2.น้ำตาลเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตมาก เนื่องจากการทำงานของอวัยวะภายในร่างกายและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของร่างกาย ก็ล้วนแล้วแต่ต้องใช้พลังงานจากน้ำตาล นอกจากนี้การหายใจ การขับปัสสาวะ การไหลเวียน การย่อยอาหารก็ล้วนแล้วแต่ต้องการความร้อนจากน้ำตาลแทบทั้งสิ้น หรือแม้แต่ตั้งแต่การคลอดจากครรภ์มารดา ในการดำรงชีวิตเราจะขาดน้ำตาลไม่ได้ แม้อาหารที่จำเป็นของทารกก็ยังเป็นน้ำนมที่มีน้ำตาลผสมอยู่ สรุปก็คือ พลังงานในการเคลื่อนไหวของมนุษย์ 70% มาจากน้ำตาล ถ้าขาดน้ำตาลมนุษย์ก็จะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
3.กลูโคส (glucose) เป็นแหล่งอาหารที่จำเป็นของเซลล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะภายในร่างกาย ทำให้ ไกลโคเจน (glycogen) ในตับเพิ่มขึ้น ช่วยทำให้การเผาผลาญ (Metabolism) ของเนื้อเยื่อดีขึ้น และในขณะที่น้ำตาลในเลือดลดน้อยลง กลูโคสยังเป็นสารที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจได้เป็นอย่างดี
4.กลูโคส (glucose) สามารถทำให้ร่างกายมีความต้านทานต่อโรคติดต่อได้ ดังนั้นในการรักษาโรค กลูโคสจึงถูกนำไปใช้เป็นยารักษาโรคอย่างกว้างขวาง
5.เนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ต้องการกลูโคส (glucose) เพื่อเป็นวัตถุในการให้พลังงานและสารประกอบที่สำคัญอื่น ๆ เช่น สมองต้องการกลูโคสวันละ 110-130 กรัม ไตและเม็ดเลือดแดงต้องการกลูโคสเป็นอาหาร ส่วนหัวใจจะทำงานได้ก็ต้องอาศัยกลูโคสมาทดแทนพลังงานที่สูญเสียไป และจากผลการทดลองหัวใจของสัตว์นอกร่างกาย พบว่ากลูโคสมีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจของสัตว์ทดลอง ส่วนอวัยวะภายในร่างกายอื่น ๆ ถ้าขาดกลูโคสก็จะสามารถใช้กรดไขมันมาเป็นแหล่งให้พลังงานได้
 6.แล็กโทสแม้จะไม่มีรสหวาน แต่ก็เป็นอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของทารก โดยแล็กโทสจะทำหน้าที่ป้องกันจุลินทรีย์ที่จำเป็นในลำไส้ของทารก ช่วยในการดูดซึมของแคลเซียม ทำให้ทารกสามารถย่อยและดูดซึม (แต่ผู้ใหญ่ถ้ากินแล้วกลับจะทำให้ย่อยยากและทำให้ท้องเสีย)

Credit : http://frynn.com


สามารถเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ของเราได้ที่  web site :
http://sirisuk-brownsugarcane.lnwshop.com/

และติดตามข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับเราได้ที่ fanpage :
https://www.facebook.com/ศิริสุข-น้ำตาลทรายแดง-202725213424362/?ref=tn_tnmn

Post by Sirisuk - ศิริสุข

ผลิตภัณฑ์ของ "ศิริสุข" [Sirisuk - ศิริสุข]

ศิริสุข เป็นผลิตภัณฑ์น้ำตาลทรายแดงที่แปรรูปมาจากอ้อยด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิมด้วย กระบวนการหีบอ้อยเพื่อให้ได้น้ำอ้อยแล้วนามาผ่านการกรองและการเคี่ยวแบบดั้งเดิมโดยใช้ฟืนหรือเปลือกอ้อยที่ผ่านการตากแห้งเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในการเคี่ยวน้าอ้อยจนได้เป็นน้ำเชื่อมหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ตังเมเคี่ยวจนกระทั่งน้าเชื่อมตกผลึกทิ้งไว้ให้เย็นแล้วจึงบดและทุบให้ป่นจนเป็นน้าตาลทรายแดงแม้ว่าน้ำตาลที่ได้อาจจะมีลักษณะที่ร่วนป่นจับตัวเป็นก้อนบ้างเล็กน้อยไม่สวยงามเหมือนกับน้ำตาลทรายแดงที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดแต่กระบวนการผลิตแบบดั้งเดิมที่ไม่เจือปนสารเคมีหรือสารฟอกสีซึ่งทำให้น้ำเชื่อม หรือน้ำตาลทรายแดงมีสี กลิ่น และรสชาติหอมหวานตามธรรมชาติแม้จะเก็บไว้นานเพียงใดกลิ่นและรสชาติก็ยังคงเดิม โดยทางกลุ่มกล้วยไข่หวาน จะทำการผลิตออกมาจาหน่ายใน 5 รูปแบบ ภายใต้ตราสินค้า ศิริสุข ได้แก่
1.น้ำตาลทรายแดงศิริสุข  บรรจุขนาด 1,000 กรัม  ราคา 75 บาท
   น้ำตาลทรายแดงแบบบรรจุถุง เหมาะสำหรับธุรกิจร้านขนมหรือร้านกาแฟขนาดเล็กถึงปานกลาง โดยในถุงจะอัดแน่นไปด้วยความหอมหวานจากต้นอ้อยแท้100%


2.น้ำตาลทรายแดงศิริสุข แบบขวดโหล  บรรจุขนาด 500 กรัม  ราคา 49 บาท
   น้ำตาลทรายแดงแบบขวดโหล เหมาะสำหรับการใช้ในครัวเรือน ไม่ว่าจะเป็น การชงกาแฟ การปรุงรสอาหาร การทำขนมเล็กๆน้อยทาน  หรือ ร้านกาแฟ ที่มีแบบโหล ไว้ให้ลูกค้า ได้เติมความหวานตามใจชอบ เพราะน้ำตาลทรายแดง "ศิริสุข" ทำมาจากต้นอ้อยแท้100% ไม่ผ่านการฟอกสี


3.น้ำตาลทรายแดงศิริสุข แบบกล่อง  บรรจุขนาด 500 กรัม  ราคา 45 บาท
   น้ำตาลทรายแดงแบบกล่อง ที่อัดก้อน เพื่อยืดระยะเวลาการบริโภค สามารถเก็บไว่บริโภคได้นานกว่าน้ำตาลทรายแดงรูปแบบอื่นๆ เหมาะสำหรับบริโภคภายในครัวเรือน และธุรกิจกาแฟ


 4.ผงขัดผิว น้ำตาลทรายแดง ขนาดบรรจุ 500 กรัม
   เอาใจสาวๆที่รักสวยรักงามในการดูแลผิวพรรณ เพราะน้ำตาลทรายแดง สามารถนำมาขัดผิวให้ขาวใสได้อย่างปลอดภัย คุณประโยชน์เลิศล้ำเพื่อความงามของผิวพรรณ ที่สำคัญใช้ได้กับทุกสภาพผิวอีกด้วยค่ะ   


 
5.น้ำตาลทรายแดงศิริสุข แบบกระสอบ  บรรจุขนาด 60 กิโลกรัม  ราคา 4,700บาท
   น้ำตาลทรายแดงแบบกระสอบ เหมาะกับธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ มีต้นทุนในการซื้อสูง ซื้อในปริมาณที่เยอะ ราคาก็จะถูกลง




สามารถเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ของเราได้ที่  web site :
http://sirisuk-brownsugarcane.lnwshop.com/

และติดตามข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับเราได้ที่ fanpage :
https://www.facebook.com/ศิริสุข-น้ำตาลทรายแดง-202725213424362/?ref=tn_tnmn

Post by Sirisuk - ศิริสุข

มาทำความรู้จักน้ำตาลทรายแดงกันเถอะ [Sirisuk - ศิริสุข]




  •            น้ำตาล ผลิตได้จากพืชหลายอย่าง เช่น อ้อย หัวบีท มะพร้าว ตาล เมเปิ้ล เป็นต้น สำหรับ "น้ำตาลทรายแดง" เป็นผลผลิตจากอ้อย แต่ไม่ได้ผ่านการฟอกสีอย่างสมบูรณ์ ไม่มีสารฟอกสีปนเปื้อนเหมือนน้ำตาลทรายขาว ทั้งยังมีการปนของสารธรรมชาติจากอ้อยอยู่บ้าง น้ำตาลทรายแดงมีความชื้นมาก มีกลิ่นน้ำตาลไหม้ และมีกากน้ำตาลติดอยู่ จึงเป็นสีน้ำตาลคล้ำ
     ความแตกต่างระหว่างน้ำตาลทรายแดงกับน้ำตาลทรายขาวอยู่ที่ขั้นตอนและวิธีการผลิต น้ำตาลทรายแดงเป็นน้ำตาลที่ผลิตมาแต่ดั้งเดิมด้วยระบบ Open Pan (ไม่มีการตกผลึก) ส่วนน้ำตาลทรายขาวผลิตภายใต้ระบบสุญญากาศหรือ Vacuum Pan  (ตกผลึก) น้ำตาลทรายแดงนิยมใช้ในอาหารบางประเภทเท่านั้น เนื่องจากสี กลิ่น รส เหมาะกับอาหารบางชนิดเท่านั้น ในอุตสาหกรรมอาหารจึงนิยมใช้น้ำตาลทรายขาวมากกว่าน้ำตาลทรายแดง
    กรรมวิธีการผลิตน้ำตาลทรายแดง เริ่มจากรุ่นโบราณ เมื่อตัดอ้อยแล้วนำเข้าโรงหีบ ใช้หินทับกัน 2 ก้อน ใช้แรงวัว-ควายเดินหมุนไปรอบๆ บีบน้ำอ้อยออกมา ต่อมาเข้ายุคอุตสาหกรรม โรงงานเปลี่ยนไปใช้เครื่องมือเป็นลูกหีบเหล็กขนาดเล็กจำนวน 1-2 ชุด ชนิด 2-3 ลูกกลิ้ง โดยใช้มอเตอร์ฉุดให้ลูกกลิ้งหมุนบีบน้ำอ้อยออกมา นำน้ำอ้อยไปผสมกับปูนขาวแล้วกรองเอาน้ำอ้อยใสไปเคี่ยวในกระทะเหล็กเปิด  ที่ตั้งบนเตาต้มเคี่ยวเป็นระยะๆ ในกระทะต่อไปตามลำดับจนถึงกระทะที่ 4 ข้นได้ที่แล้วก็เทออกผึ่ง ละเลงในกระบะไม้ให้แห้ง แล้วใช้ค้อนไม้บดให้เป็นเม็ดหยาบๆ
    ประเทศไทยผลิตน้ำตาลจากอ้อยปีละประมาณ 5-7 ล้านตัน โดยใช้สำหรับการบริโภคในประเทศร้อยละ 30-35 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 65-70 ส่งเป็นสินค้าออก ประเภทของน้ำตาลทรายที่ผลิตในประเทศแบ่งออกเป็น 1.น้ำตาลทรายแดง ทำให้เป็นน้ำตาลด้วยวิธีไม่ตกผลึก 2.น้ำตาลทรายดิบ ลักษณะเป็นผลึก 3.น้ำตาลทรายขาว ลักษณะเป็นผลึกขาวใส

    Credit : http://202.129.59.73/nana/year53/milk-sugar_001052-tew/sugar.htm




    สามารถเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ของเราได้ที่  web site :
    http://sirisuk-brownsugarcane.lnwshop.com/

    และติดตามข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับเราได้ที่ fanpage :
    https://www.facebook.com/ศิริสุข-น้ำตาลทรายแดง-202725213424362/?ref=tn_tnmn

    Post by Sirisuk - ศิริสุข

    ความเป็นมาของ "อ้อย" [Sirisuk - ศิริสุข]

    อ้อย  คือพืชสำคัญที่เป็นวัตถุดิบของอุตสาหกรรมน้ำตาลของประเทศ และไทยส่งออกน้ำตาลรองจาก บราซิล สหภาพยุโรป และออสเตรเลีย สร้างรายได้เข้าประเทศปีละมากกว่าสองหมื่นล้านบาท
    ในแต่ละปีประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกอ้อยโรงงานไม่น้อยกว่า 5.4 ล้านไร่ ให้ผลผลิตอ้อยประมาณ 49 ล้านตัน ผลผลิตเฉลี่ย 9.5 ตันต่อไร่ ถึงแม้ว่าไทยจะเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลสู่ตลาดโลก แต่ความสามารถเชิงการแข่งขันกับประเทศคู่แข่งก็จัดว่าต่ำ ต้นทุนการผลิตน้ำตาลค่อนข้างสูง เนื่องจากปัจจัยข้อจำกัดได้แก่ พื้นที่ปลูกบางแห่งไม่เหมาะสม  สภาพน้ำฝนไม่แน่นอน และการระบาดของโรคและแมลง ทำให้ผลผลิตอ้อยต่อไร่ต่ำ ตลอดจนค่าจ้างแรงงานสูง
         ปัจจุบัน การปลูกอ้อยและผลิตน้ำตาลของประเทศไทยมีสำนักงานอ้อยและน้ำตาลไทย สมาคมชาวไร่อ้อย และสมาคมโรงงานน้ำตาล ตลอดจนกรมวิชาการเกษตร ทำหน้าที่ดูแล วิจัยและพัฒนา ตลอดจนการส่งเสริม ทำให้การผลิตอ้อยและน้ำตาลของประเทศไทยให้ก้าวหน้ามาโดยตลอด

    Credit : http://www.natres.psu.ac.th


    สามารถเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ของเราได้ที่  web site :
    http://sirisuk-brownsugarcane.lnwshop.com/

    และติดตามข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับเราได้ที่ fanpage :
    https://www.facebook.com/ศิริสุข-น้ำตาลทรายแดง-202725213424362/?ref=tn_tnmn

    Post by Sirisuk - ศิริสุข